เป็นน้ำมันสีเหลืองๆ ที่สามารถสกัด (Solvent Extraction) ได้จากเมล็ดของลินิน (Flax) มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากมายที่แสดงว่าน้ำมันชนิดนี้มีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ เป็นน้ำมันที่อุดมไปด้วยกรดไขมันที่ดี (ไม่อิ่มตัว) หลายชนิด คือ กรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3 Fatty Acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดเดียวกับที่พบในน้ำมันปลานั่นเอง แฟลกซ์ ซีด ออยล์ก็มีองค์ประกอบสำคัญคือ โอเมก้า-3 และลิกแนน
กรดไขมันโอเมก้า-3 มีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ช่วยลดระดับคอลเลสเตอรอลในเลือด ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดต่างๆ เช่น ภาวะอุดตันของหลอดเลือด โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น นอกจากนี้ กรดไขมันกรดโอเมก้า-3 ยังมีประโยชน์อื่นๆ ได้แก่ ป้องกันโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น ช่วยบรรเทาการอักเสบที่เกิดจากโรคบางชนิด เช่น โรครูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) บำรุงระบบประสาท และสมอง ลดความเครียด ป้องกันโรคอัลไซเมอร์
สารอีกชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญในแฟลกซ์ ซีด ออยล์ ก็คือ ลิกแนน (Lignan) ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) ที่พบในพืชหลายชนิด แต่พบมากในแฟลกซ์ ซีด ออยล์ การรับประทานแฟลกซ์ ซีด ออยล์ ซึ่งมีลิกแนนเข้าไปจึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ ทั้งมะเร็ง อัลไซเมอร์ นอกจากนี้ ลิกแนนยังช่วยชะลอความแก่ได้อีกด้วย
มีคุณค่าทางอาหารสูงและอุดมไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว โดยเฉพาะโอเมก้า 3 และสารประกอบอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ บรรเทาอาการแพ้ ลดอาการบวม และมีฤทธิ์ทางชีวภาพต่อการทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกาย ชาวเอเชียนิยมรับประทานงาขี้ม่อน โดยนำมาแปรรูปอย่างหลากหลาย เช่น สกัดเป็นน้ำมันทำอาหาร ใช้ทำน้ำสลัด โรยหน้าขนม ผสมกับชาดื่มเพื่อสุขภาพ ช่วยเสริมแต่งรสชาติและหน้าตาของเมนูอาหารต่างๆ ให้ดูน่ารับประทาน ตลอดจนใช้เป็นน้ำมันหอมระเหย
น้ำมันงาขี้ม้อนอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ ฟิโนลิค และ วิตามินอี ซึ่งสารเหล่านี้สามารถพบได้ในน้ำมันหลายชนิด แต่สิ่งที่ทำให้น้ำมันงาขี้ม้อนนั้นแตกต่างจากน้ำมันชนิดอื่นๆ ก็คือ น้ำมันงาขี้ม่อนเป็นแหล่งสะสมของกรดไขมันโอเมก้า-3 ชนิด ALA(Alpha Linolenic Acid) ซึ่งมีปริมาณมากกว่าแชมป์เก่าอย่างเมล็ดแฟล็ก (Flaxseed) และเมล็ดเจีย (chia seeds) อีกด้วย
ประโยชน์ของน้ำมันสกัดเย็นงาขี้ม้อน ช่วยลดระดับคอลเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด อันเป็นสาเหตุหลักของปัญหาโรคหัวใจ จึงถือว่าเป็นการป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจและลดภาวะเลือดหนืดหรืออาการลิ่มเลือดแข็งตัว ยังช่วยให้หัวใจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและหลอดเลือดมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ป้องกันเส้นเลือดในสมองแตก และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจวายเฉียบพลันด้วย ช่วยส่งเสริมการทำงานของร่างกายมนุษย์ในหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งเซลล์ในร่างกาย ช่วยการทำงานของกล้ามเนื้อ หรือช่วยในเรื่องการมองเห็น โดยปริมาณโอเมก้า-3 กว่า 54% ถูกนำไปใช้ในการพัฒนาซ่อมแซมระบบประสาทและสมอง และระบบประสาทตา มีประสิทธิภาพในการระงับยับยั้งเอนไซม์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบในผู้ป่วยโรครูมาตอยด์ซึ่งช่วยลดการพึ่งยาแก้ปวดประเภท NSAID ที่มีผลข้างเคียง โดยจะช่วยลดความเสี่ยงภาวะเลือดออกในลำไส้ส่วนบนและผลข้างเคียงอื่นๆ ในการทดลองพบว่ากรดโรสแมรินิคที่เป็นสารสำคัญที่มีในน้ำมันงาขี้ม้อน มีผลต่อเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการทำให้เกิดภูมิแพ้ ดังนั้น จึงช่วยลดอาการภูมิแพ้ได้จริง
เกือบ 70% ของน้ำมันอโวคาโด อุดมด้วยกรดโอเลอิก (Oleic Acid) ที่เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่ดีต่อสุขภาพมีงานวิจัยพบว่าช่วยลดคอลเลสเตอรอล ทำให้สุขภาพหัวใจดีขึ้น และก็ช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL) มีสารต้านอนุมูลอิสระมากโดยเฉพาะสาร Lutein และวิตามินอีซึ่งจะลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อกระจก และจอประสาตตาเสื่อม มีสารที่เรียกว่า Unsaponifiables ซึ่งจะลดการอักเสบข้อกระดูกต่างๆ ของร่างกาย และอาการปวดของโรคข้อเสื่อม ลดอาการชาตามมือและปลายนิ้วมือ
ทั้งยังประกอบด้วย วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินซี วิตามินบี2 และวิตามินอี ซึ่งมีคุณสมบัติเป็น Antioxidants ซึ่งปกป้องเซลล์ต่างๆ ในร่างกายไม่ให้ถูกทำลายและต่อต้านโรคมะเร็ง บำรุงระบบภูมิคุ้มกันป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระในร่างกาย และทำให้การย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น และควบคุมการทำงานของตับและตับอ่อนในส่วนของการดูดซึมไขมันและเผาผลาญไขมัน
สารทางธรรมชาติในน้ำมันมะกอกมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย จึงมีการค้นคว้าหาคุณประโยชน์ของน้ำมันมะกอกในเชิงการแพทย์และการรักษา โดยสารสำคัญที่พบในน้ำมันมะกอก ได้แก่ กรดไขมันต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated Fat) กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (Monounsaturated Fat) ที่จะช่วยลดระดับไขมันของคอลเลสเตอรอล (LDL) ได้ และควบคุมระดับ (LDL) ให้ต่ำลง ช่วยให้ไขมันในเลือดลดลง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจหรือโรคหลอดเลือดหัวใจรั่ว เป็นผลดีต่อผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) และทำให้หัวใจทำงานได้อย่างแข็งแรงยิ่งขึ้น
ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวอยู่เป็นส่วนมากในน้ำมันมะกอก จากงานวิจัยหลายกรณีศึกษา ทำให้พบว่าผู้ที่บริโภคอาหารที่มีน้ำมันมะกอกร่วมกับการรับประทานอาหารไขมันต่ำ ออกกำลังกายและพักผ่อนอย่างเพียงพอ สามารถทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้มากกว่าผู้ที่อดอาหารทั่วไป เนื่องจากน้ำมันมะกอกมีส่วนช่วยกระตุ้นสมองที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมไขมัน ทำให้ร่างกายไม่อยากรับไขมันเพิ่มจนทำให้เคยชินและสามารถลดน้ำหนักได้ดีกว่าการงดอาหารนั่นเอง
น้ำมันมะกอกประกอบไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 จำนวนมาก ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกายซึ่งไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้ โดยมีส่วนช่วยควบคุมความดันโลหิตของร่างกายให้ดีขึ้น สารโพลีฟีนอลจะช่วยปรับการทำงานของหลอดเลือดหัวใจของคนที่มีความดันโลหิตสูงให้กลับมาเป็นปกติ และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันโลหิตสูงได้เป็นอย่างดี
สารโอลีโอแคนธัล (Oleocanthal) ที่มีในน้ำมันมะกอกช่วยบรรเทาอาการอักเสบที่เกิดจากโรครูมาตอยด์ได้ดี เพราะช่วยยับยั้งเอมไซม์ที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบ รวมไปถึงการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย เอช ไพโลไรที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคร้ายหลายชนิด รวมทั้งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ซึ่ง เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มักหลงๆ ลืมๆ ความจำไม่ดี และต้องใช้ความคิดอยู่เสมอ
มีส่วนประกอบของแคลเซียมที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน ทำให้มีมวลกระดูกเพิ่มขึ้น และช่วยให้ร่างกายมีประสิทธิภาพในการดูดซึมแคลเซียมได้ดียิ่งขึ้น ลดอาการปวดข้อกระดูกหลัง
สารเซซามินที่พบได้เฉพาะแต่ในงาดำมีสรรพคุณช่วยบำรุงหัวใจและไต ส่งเสริมระบบสูบฉีดเลือดให้ภาวะปกติ ส่วนวิตามินอีที่อยู่ในน้ำมันงาดำสกัดเย็น จะช่วยเข้าไปล้างชำระหลอดเลือดให้สะอาด ลดการอุดตันในเส้นเลือดและช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว และตัวไขมันชนิดดี ( HDL ) นั้น จะเข้าไปช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของเส้นเลือดของเรา ส่งผลให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ช่วยลดการอุดตันของเส้นเลือดและหัวใจ ช่วยดูแลเกี่ยวกับเรื่องของอัตราส่วนของไขมันในร่างกาย ลดปริมาณของคอลเลสเตอรอล มีไขมันดีมากขึ้น ป้องกันโรคหัวใจ ลดความดันโลหิตสูงได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วยป้องกันการเสื่อมของเซลล์ ในระบบประสาท (Neuroprotective Effect) ทำให้สมองทำงานดี ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ความจำเสื่อม เพราะมีสารสำคัญอย่างเซซามิน ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม ฯลฯ ที่ช่วยป้องกันการเสื่อมของระบบประสาท
ช่วยต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant Effect) อันเป็นสาเหตุสำคัญของโรคร้ายและการเสื่อมของร่างกายด้วย ในน้ำมันงาดำประกอบไปด้วยสารเซซามิน วิตามินอี ธาตุสังกะสี วิตามินบี 1, 2, 3, 5, 6, 9 ทองแดง ไอโอดีน ใยอาหาร ฯลฯ ซึ่งสำคัญต่อการช่วยต้านอนุมูลอิสระ
ลดปฏิกิริยาความเครียดระดับเซลล์ในเนื้อเยื่อต่างๆ (Effect on Hypoxic and Oxidative Stresses) ทำให้คลายเครียด นอนหลับ ส่งผลให้ระบบการทำงานในร่างกายดีขึ้น โดยสารเซซามิน โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุสังกะสี แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฯลฯ ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในน้ำมันงาดำจะไปช่วยคลายความเครียดและกระตุ้นการทำงานในเนื้อเยื่อต่างๆ
คุณประโยชน์สุดดีจากสารเซซามินของน้ำมันงาดำสกัดเย็น คือ เพื่อลดอาการปวด ต้านการอักเสบของข้อต่อต่างๆ ในร่างกาย และช่วยลดความเสี่ยงของโรคข้อเสื่อม ทั้งยังมีสรรพคุณเด่นในการช่วยบำรุงหัวใจและไต โดยส่งเสริมระบบสูบฉีดเลือดให้ดำเนินไปด้วยดี
Oligomeric Proanthocyanidin Complexes (OPCs) เป็นสารสำคัญที่พบในน้ำมันเมล็ดองุ่นสกัดเย็น ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มไบโอฟลาโวนอยด์ ได้รับการรับรองว่ามีคุณสมบัติอย่างดีในการต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถปกป้องเซลล์และเนื้อเยื่อ ที่เกิดความเสียหายจากอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันมะเร็งปอด ต่อมลูกหมาก ลำไส้ เต้านม กระเพาะ ช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม ช่วยปรับสมดุลเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังมีกรดไลโนเลอิก ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง ที่ได้รับการพิสูจน์ว่า เป็นประโยชน์ต่อคนที่เป็นเบาหวาน
ช่วยเพิ่มระดับไขมันดี ( HDL-Cholesterol) ลดไขมันไม่ดี( LDL-Cholesterol) เสริมสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคหลอดเลือดหัวใจ และช่วยรักษาสุขภาพหัวใจของคุณ ช่วยความแข็งแรงและซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย หรือการเปราะแตกของเส้นเลือดฝอย ช่วยการไหลเวียนของเลือด ช่วยระบบเส้นเลือดดำใยแมลงมุม เส้นเลือดดำขอด ลดคอลเลสเตอรอล
การต้านการอักเสบ โดยช่วยแก้ปวดและบวมจากโรคข้ออักเสบในโรคข้ออักเสบชนิดรูมาตอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบหลังการผ่าตัดหรือบาดเจ็บ ช่วยลดการบวมได้เร็วขึ้น นี้เป็นผลมาจากฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยในกระบวนการสมานแผลให้เร็วขึ้น
กรดไขมันโอเมก้า 6และ9 มีหน้าที่ช่วยป้องกันเซลล์ผิวจากสภาพแวดล้อม ช่วยบำรุงผิวกระชับแข็งแรงและทำให้ผิวเปล่งปลั่ง อ่อนนุ่ม และมีน้ำมีนวลอยู่เสมอ ไม่แห้งกร้าน เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของโครงสร้างเซลล์ผิวที่มีสุขภาพดี
น้ำมันรำข้าว คือน้ำมันชนิดหนึ่งที่สกัดมาจากรำข้าวหรือเมล็ดข้าว ซึ่งได้รับความนิยมไปทั่วโลกโดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชีย โดยถูกนำมาใช้สำหรับประกอบเมนูอาหารต่างๆ และยังถูกนำมาเป็นส่วนผสมหลักของอาหารเสริมบางชนิดอีกด้วย น้ำมันรำข้าวมีคุณสมบัติของความเป็นน้ำมันที่มีจุดเดือดสูง ทำให้สามารถนำไปใช้สำหรับประกอบอาหารผัดหรือทอดได้อย่างปลอดภัย น้ำมันรำข้าวประกอบไปด้วย สารสำคัญหลายชนิด เช่น วิตามินอี ในกลุ่มโทโคฟีรอล กลุ่มโทโคไตร - อีนอลและออริซานอล ซึ่งสามารถต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินอีทั่วไปถึง 6 เท่า และมีประโยชน์แก่ผิวมากมาย
ช่วยป้องกันโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด แม้ว่าน้ำมันรำข้าวจะมีคุณสมบัติเป็นน้ำมันชนิดหนึ่งแต่น้ำมันรำข้าวกลับอุดมไปด้วยสารสกัดแกมม่าออริซานอลที่มีคุณสมบัติช่วยลดคอลเลสเตอรอลในหลอดเลือดหรือในกระแสเลือดได้ นอกจากนี้ ยังลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด และยังเสริมระบบการไหลเวียนของเลือดให้เป็นไปอย่างปกติยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อในร่างกายให้เจริญเติบโตได้มากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายหรือนักเพาะกาย
บำรุงระบบประสาทและสมอง น้ำมันรำข้าวอุดมไปด้วยไลโนเลอิก แอซิด ซึ่งมีสรรพคุณที่ดีต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสามารถดูดซึมกรดอะมิโนไปใช้ได้มากยิ่งขึ้น ทำให้ระบบประสาทและสมองได้รับสารอาหารที่มากขึ้น ช่วยทำให้เซลล์สมองพร้อมใช้งาน มีความจำที่ดีขึ้น สมองปลอดโปร่ง และสามารถซ่อมแซมเซลล์สมองที่สึกหรอให้กลับมาสมบูรณ์แข็งแรงได้มากยิ่งขึ้น
ป้องกันโรคมะเร็ง น้ำมันรำข้าวถือเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระปริมาณมาก ซึ่งมีคุณประโยชน์มากมายโดยเฉพาะประโยชน์ในการลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งต่างๆ ได้ ช่วยระงับการเจริญเติบโตของเชื้อมะเร็ง สำหรับผู้ที่ตรวจพบอาการมะเร็งในร่างกายอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังสามารถลดความรุนแรงและอาการแทรกซ้อนต่างๆ ได้สูงถึง 60% เลยทีเดียว
ช่วยคงความอ่อนเยาว์ น้ำมันรำข้าวไม่ได้มีประโยชน์ต่อสุขภาพภายในเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะอุดมไปด้วยวิตามินอีจำนวนมาก ซึ่งมีส่วนบำรุงผิวให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น ผิวมีความชุ่มชื้น มีเลือดฝาด เนียนนุ่ม และอ่อนเยาว์เปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้แกรมม่าออริซานอลยังมีคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ออกซิแด๊นท์ที่สามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว และยังมีวิตามินบีที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว จึงสามารถช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นได้
ช่วยบำรุงสายตา น้ำมันรำข้าวมีคุณสมบัติช่วยบำรุงสายตาได้ เนื่องจากมีสารอาหารแคโนทินอยด์ที่สามารถฟื้นฟูระบบสายตา ทำให้การมองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะท่านที่มักใช้สายตาทำงานหน้าคอมพิวเตอร์หรือเล่นโทรศัพท์มือถือเป็นประจำ และยังช่วยในการดูแลผมและเล็บให้แข็งแรง มีสุขภาพดี ซึ่งจะช่วยบำรุงผมและเล็บให้สวยตามแบบธรรมชาติ ป้องกันโรคเบาหวาน น้ำมันรำข้าวมีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัวจำนวนมาก ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน จึงทำให้ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 มีอาการที่ดีขึ้น สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ และยังป้องกันไม่ให้เกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆ ตามมาได้อีกด้วย
โทรหาเราที่เบอร์นี้