รูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นโรคที่มีการอักเสบของส่วนต่างๆ ในร่างกาย ไม่ใช่เพียงที่ข้อ เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานผิดปกติและไปทำลายอวัยวะต่างๆ ในร่างกายตัวเอง ในผู้ป่วยบางรายพบว่ามีภาวะที่มีผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกาย เช่น ผิวหนัง ดวงตา ปอด หัวใจ และหลอดเลือด
อาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์จะมีอาการปวดดำเนินอย่างช้าๆ อาจนานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน มีอาการเหนื่อยอ่อนและเมื่อยล้า รวมไปถึงอาจพบว่ามีน้ำหนักตัวลดลงและมีไข้อ่อนๆ อาการอื่นๆ ของโรคที่พบได้บ่อย ได้แก่
ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ประมาณ 40% จะพบว่ามีอาการที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้อต่อและอาจส่งผลต่ออวัยวะส่วนอื่นๆ เช่น ผิวหนัง ดวงตา ปอด หัวใจ ไต ต่อมน้ำลาย เส้นประสาท ไขกระดูก หลอดเลือด อาการและสัญญาณของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์อาจแตกต่างกันไปตามความรุนแรง และอาการอาจกำเริบและสงบลงเป็นพักๆ ได้
สาเหตุของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จะเกิดขึ้นจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำลายตัวเอง โดยจะทำลายเยื่อหุ้มข้อ (Synovium) เป็นผลทำให้เกิดการอักเสบและบวมขึ้น ซึ่งในที่สุดแล้วอาจทำลายกระดูกอ่อนและกระดูกของข้อต่อ รวมไปถึงเส้นเอ็นที่ยึดกล้ามเนื้อและกระดูก หรือเอ็นข้อต่อจะเปราะบางลงและยืดขยายออก จากนั้นข้อต่อก็จะค่อยๆ ผิดรูปหรือบิดเบี้ยว
ปัจจุบันยังไม่ทราบถึงต้นตอของการเกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ที่แน่ชัด ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้จากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ในขณะที่ยีนอาจไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริงแต่สามารถทำให้ผู้ป่วยมีความไวต่อปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมได้ เช่น การติดเชื้อที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่กระตุ้นการเกิดโรค
ปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ มีดังนี้
การวินิจฉัยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เป็นโรคที่วินิจฉัยได้ยากในเบื้องต้น เพราะอาการที่แสดงเป็นอาการที่จะพบได้ในหลากหลายโรคและการตรวจจากห้องปฏิบัติการใดๆ เพียงอย่างเดียวยังไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้ ซึ่งในเบื้องต้นแพทย์จะตรวจร่างกายโดยตรวจดูอาการบวม รอยแดง และความร้อน นอกจากนั้นแพทย์อาจตรวจความไวของเส้นประสาทและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อร่วมด้วย
การรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ยังไม่มีการรักษาที่หายขาดได้ แต่ปัจจุบันมีความเป็นไปได้ที่จะบรรเทาโรคให้ดีขึ้น หากเริ่มต้นการรักษาอย่างทันท่วงทีและรักษาด้วยยาปรับเปลี่ยนการดำเนินโรค (Disease Modifiying Antirheumatic Drugs หรือ DMARDs) รวมไปถึงการักษาด้วยยาอื่นๆ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและระยะเวลาตั้งแต่เกิดโรค เช่น ยาลดการอักเสบ (NSAIDs) ยากลุ่มสเตียรอยด์ และยากลุ่มสารชีวภาพ โดยปกติแล้ว การรักษาโรครูมาตอยด์จะทำการรักษาตรวจติดตามและรักษาอย่างต่อเนื่อง แพทย์จะติดตามและควบคุมอาการอย่างใกล้ชิด แพทย์ที่รักษาโรคไขข้อจะประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการและการรักษาโดยจะทำในทุกๆ 2-3 เดือนในช่วงแรก หรือทุกๆ 6-12 เดือนในช่วงที่อาการสงบลงแล้ว
วิธีการรักษารวมไปถึงทางเลือกเสริมหรือทางเลือกเฉพาะทางอื่นๆ ที่อาจมีผลช่วยรักษาโรครูมาตอยด์ เช่น การรับประทานน้ำมันปลา น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส หรือฝึกไท่เก๊ก ซึ่งการบริโภควิตามินเสริมหรือออกกำลังกายใดๆ ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อน เนื่องจากยังไม่มีผลการรับรองว่าทางเลือกเสริมเหล่านี้สามารถช่วยรักษาได้อย่างเห็นผลเพียงใด
ภาวะแทรกซ้อนของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ การป่วยเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการพัฒนาไปเป็นโรคต่างๆ ได้ ดังต่อไปนี้
การป้องกันโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรครูมาตอยด์เป็นโรคที่ไม่สามารถป้องกันได้ แต่เมื่อเป็นแล้วสามารถบำบัดรักษาให้ใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติมากที่สุด ซึ่งเมื่อเป็นโรคนี้แล้วผู้ป่วยสามารถควบคุมอาการได้โดยการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน ด้วยการมีความรับผิดชอบต่อสุขภาพร่างกายของตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ เช่น มีความกระฉับกระเฉง ทำให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรง รวมไปถึงการเลี่ยงพฤติกรรมที่ต้องใช้ข้อมากๆ นอกจากนั้น ต้องรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบตามเวลาและสม่ำเสมอ เพราะแม้ว่าจะมีอาการที่ดีขึ้นแล้วก็ต้องรับประทานยาต่อเนื่อง เพื่อป้องกันปัญหาและความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ข้อเสื่อมหรือข้อถูกทำลาย
*ขอขอบคุณ แหล่งข้อมูลอ้างอิง #พบแพทย์ Website : https://www.pobpad.com/รูมาตอยด์
โทรหาเราที่เบอร์นี้